ชาวบ้านสุดทน แห่ร้องตร. ช่วยหญิงชราอายุ 97 ปี ถูกลูกสาวในไส้ทำร้ายร่างกายสารพัดวิธีทารุณสุดร้ายนาน 4 ปี

20:22 Edit This 2 Comments »
ชาวบ้านสุดทนแห่แจ้งตร।มาช่วยเหลือแม่เฒ่า โดยถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน ทั้งใช้มือบีบปากบีบคอ ใช้ไม้ถูพื้นฟาดจนหงายหลัง เคยร้องเรียนผู้เกี่ยวข้องหลายครั้งแต่ไม่มีความคืบหน้า ตร.ไปตามตัวแต่ไม่พบ ปล่อยแม่อายุเกือบร้อยปีนอนอยู่บ้านตามลำพัง เตรียมดำเนินคดีฐานกระทำทารุณบุพการีเมื่อ วันที่ 19 ก.ค. พล.ต.ต.ต่อศักดิ์ สะอาดพรรค ผบก.ภ.จว.สุโขทัย ได้รับร้องเรียนจากชาวบ้านใน อ.กงไกรลาศ ว่า ที่บ้านเลขที่ 78 หมู่ 1 ต.ป่าแฝก อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย มีหญิงชราอายุเกือบ 100 ปี ถูกลูกสาวในไส้ทำร้ายร่างกายเป็นประจำทุกวัน ทั้งกลางวันกลางคืน ได้รับความทุกข์ทรมานทั้งทางร่างกายและจิตใจมานานเกือบ 4 ปี จนเป็นที่สลดหดหู่สมเพชเวทนาของชาวบ้าน แม้ชาวบ้านจะเคยร้องเรียนไปยังหน่วยงานต่างๆ หลายครั้ง แต่ยังไม่มีหน่วยงานใดมาช่วยเหลือ




ภาย หลังรับเรื่องร้องเรียน พล.ต.ต.ต่อศักดิ์สั่งการพ.ต.อ.เริงเกียรติ โสธรเจริญสินธ์ ผกก. สภ.กงไกรลาศ ดำเนินการสืบสวนสอบสวนและช่วยเหลือหญิงชรารายนี้ จาก การสอบ ถามชาวบ้านทราบว่าหญิงชราที่ถูกลูกในไส้ทำร้าย คือ นางเลื่อน ม่วงเขียว อายุ 97 ปี อยู่บ้านเลขที่ 78 หมู่ที่ 1 ต.ป่าแฝก อ.กงไกร ลาศ ส่วนลูกสาว คือ น.ส.ดาวเรือง ม่วงเขียว อายุ 59 ปี เป็นลูกคนที่ 4 จากทั้งหมด 5 คน สำหรับพฤติกรรมของน.ส.ดาวเรืองที่กระทำกับแม่ผู้ให้กำเนิดซึ่งอยู่ในวัยชรา นั้น มีทั้งใช้มือตบ บีบปากบีบคอ ใช้ไม้ถูพื้นและไม้กวาดฟาดตีตามตัว ใช้ขันน้ำโขกศีรษะ ใช้ช้อนป้อนข้าวกะซวกปากแรงๆ หลายครั้งถึงขั้นหงายท้อง ที่เลวร้ายสุดๆ คือใช้เท้าถีบหน้าแม่จนล้มหงายต่อหน้าชาวบ้าน ครู และเด็กนักเรียนจำนวนมาก นอกจากนี้ ตอนกลางคืนชาวบ้านยังได้ยินนางเลื่อนส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดเป็นประจำ ซึ่งชาวบ้านได้ถ่ายคลิปเก็บไว้เป็นหลักฐานด้วย ทุกคนพร้อมเป็นพยานหากมีการดำเนินคดีน.ส.ดาวเรืองฐานทำร้ายและทารุณบุพการีตัว แทนชาวบ้านเปิดเผยว่า ที่ผ่านมาร้องเรียนกับผู้นำชุมชนแล้วทุกระดับ แต่ไม่มีอะไรคืบหน้าใดๆ ต่างก็อ้างเป็นเรื่องส่วนตัวในครอบครัว ช่วยอะไรไม่ได้ ขณะที่ชาวบ้าน ละแวกนั้นเคยขอร้องน.ส.ดาวเรืองให้หยุดทำร้ายแม่ตัวเอง แต่ก็ถูกดุด่าต่อว่ากลับมา จึงไม่มีใครอยากเข้าไปยุ่งเกี่ยว นับเวลาก็นานเกือบ 4 ปีแล้ว ทั้งนี้ เมื่อเร็วๆ นี้เกิดเหตุการณ์ฟ้าผ่าต้นมะพร้าวหน้าบ้านของน.ส.ดาวเรืองจนยืนต้นตาย ทั้งที่อยู่ในช่วงกลางวันแสกๆ ไม่มีเค้าเมฆฝนแต่อย่างใด ทำให้ชาวบ้านวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางว่าอาจเป็นลางบอกเหตุถึงสิ่ง ที่น.ส.ดาวเรืองกระทำทารุณต่อผู้เป็นแม่บังเกิดเกล้าจากนั้น พ.ต.อ.เริงเกียรติ ผกก.สภ. กงไกรลาศ ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเชิญตัว น.ส.ดาวเรืองมาโรงพัก แต่ไม่พบตัว เพื่อน บ้านแจ้งว่าออกไปไหนไม่มีใครรู้ ปล่อยแม่อายุเกือบร้อยปีนอนอยู่บริเวณชานบ้านตามลำพัง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะติดตามตัวน.ส.ดาวเรืองมาให้ได้ และต้องการให้ผู้เห็นเหตุการณ์มาเป็นพยาน เพื่อดำเนินคดีกับน.ส.ดาวเรืองฐานทำร้ายร่างกายและกระทำทารุณบุพการี ด้านพล.ต.ต.ต่อศักดิ์ ผบก.ภ.จว.สุโขทัย กล่าวเพิ่มเติมว่า สั่งการด่วนผกก.สภ.กงไกร ลาศ รีบช่วยเหลือนางเลื่อน และเชิญตัว น.ส.ดาวเรืองมาสอบสวน แต่น.ส.ดาวเรืองหลบหนีจากบ้านก่อนเจ้าหน้าที่ไปถึง อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะติดตามตัวมาให้ได้ โดยใช้มาตรการทางกฎหมายตามพ.ร.บ.ป้องกันความรุนแรงในครอบครัว ดำเนินการกับ น.ส.ดาวเรือง รวมทั้งต้องตรวจสอบสุขภาพจิตด้วย เบื้องต้นเท่าที่ทราบพบว่าน.ส.ดาวเรืองยังพูดคุยรู้เรื่อง มีสติ ไม่ใช่คนวิกลจริตแต่อย่างใดขณะ ที่นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องความรุนแรงในครอบครัว ระหว่างลูกสาวกับมารดา หากต้องการดําเนินคดีเอาผิด กับน.ส.ดาวเรือง ต้องให้ผู้เสียหาย คือ นางเลื่อน เป็นผู้แจ้งความ ส่วนกรณีที่ไม่มีการแจ้งความดําเนินคดีกับผู้กระทําผิดนั้น ขณะนี้มีพ.ร.บ.ผู้ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงในครอบครัว ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถนํามาใช้จัดการปัญหานี้ได้ อย่างไรก็ตาม กรณีนี้เจ้าหน้าที่ต้องเชิญน.ส.ดาวเรืองมาพูดคุยกันก่อน พร้อมทําข้อตกลงกันว่าต่อไปหากยังทําร้ายมารดาอีกจะต้องถูกดําเนินคดีทาง กฎหมาย ลักษณะเป็นการปรามไม่ให้กระทําอะไรที่รุนแรงกับมารดาอีก เป็นการคาดโทษเอาไว้

ลูกทรพีทำร้ายแม่วัยชราปางตาย แค้นขอเงินซื้อเหล้าไม่ให้-แถมขู่ฆ่า

18:13 Edit This 0 Comments »
เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่เป็นตัวอย่างให้แก่ลูกทุกคน
ลูกทรพีขี้เมา ชกต่อยแม่เฒ่าวัย 66 ตาเขียวช้ำทั้งสองข้าง ผลักอกล้ม เตะซ้ำแขนหัก สุดทนตามราวีถึง รพ. ข่มขู่ฆ่า-หากนำเรื่องแจ้ง ตร.นักสังคมสงเคราะห์เตรีย
ลูกทรพีขี้เมา ชกต่อยแม่เฒ่าวัย 66 ตาเขียวช้ำทั้งสองข้าง ผลักอกล้ม เตะซ้ำแขนหัก สุดทนตามราวีถึง รพ. ข่มขู่ฆ่า-หากนำเรื่องแจ้ง ตร.นักสังคมสงเคราะห์เตรียมรับเข้าบ้านคนชรา
เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 4 กุมภาพันธ์ ร.ต.ท.ไพโรจน์ ทองมาเอง ร้อยเวร สภ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี รับแจ้งจากโรงพยาบาลพุทธบาทว่า มีแม่เฒ่าถูกลูกบังเกิดเกล้าชกต่อยจนตาสองข้างเขียวช้ำและผลักล้มกระแทกพื้นจนแขนหัก เข้ารักษาตัวตั้งแต่วันที่ 30 มกราคมเป็นต้นมา
สอบสวน นางจำลอง วันเพ็ญ อายุ 66 ปี ให้การว่า ถูกนายมนัส จันทร์สูง อายุ 28 ปี ลูกชายซึ่งชอบดื่มสุราเมามาย กลับเข้าบ้านขอเงินไปซื้อเหล้าอีก พอไม่ให้ก็ซ้อมเป็นประจำ ก่อนเกิดเหตุเมากลับมาก็ขอเงิน ตนไม่มีให้ ทำให้ นายมนัส โกรธแค้นไม่พอใจ ตรงเข้าฉุดกระชากลากตัวออกมาหน้าบ้านทำการชกต่อยใบหน้าหลายครั้งจนดวงตาทั้ง 2 ข้าง บวมเป่ง เขียวซ้ำ มีเลือดไหลออกปากและจมูก
ลูกชายยังเตะซ้ำและผลักตัวเองล้มลงทำให้แขนซ้ายหักจากการกระแทกพื้นจนสลบแน่นิ่ง มารู้สึกตัวอีกทีเมื่อชาวบ้านนำส่งโรงพยาบาล แพทย์ทำการผ่าตัดดามเหล็กใส่เฝือกให้ จนขณะนี้อาการดีขึ้น นางจำลองกล่าว
ด้าน นางปานใจ ดุรงค์ฤทธิ์ชัย นักสังคมสงเคราะห์โรงพยาบาลพระพุทธบาท รับทราบจากปากคำนางลำลองว่า ครั้งนี้ทนไม่ไหว เพราะลูกชายยังตามมาที่โรงพยาบาลและต่อว่าขู่ฆ่า ห้ามนำเรื่องที่เกิดขึ้นไปบอกใคร หรือแจ้งตำรวจ ไม่เช่นนั้นกลับมาอยู่ที่บ้านจะฆ่าให้ตาย หากทางโรงพยาบาลให้กลับจะรับตัวไปอยู่บ้านพักฉุกเฉินคนชรา อ.หนองแค เพราะยังอยู่ในระหว่างแขนที่หักให้หายคาดว่าอีก 1 เดือน
ต่อมาตำรวจเดินทางไปที่บ้านพักผู้บาดเจ็บ แต่ไม่พบตัวผู้ก่อเหตุสันนิษฐานว่า หลบหนีออกจากบ้านไปแล้ว อย่างไรก็ตาม จะได้ขออนุมัติศาลจังหวัดสระบุรีออกหมายจับ เพื่อจับกุมในข้อหาทำร่างกายบุพการีของตนให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสต่อไป

ความรักของแม่

18:05 Edit This 0 Comments »
แม่ผู้แก่เฒ่าเดินไม่ได้คนหนึ่งเป็นที่รำคาญใจของลูกชายเหลือเกินสมัยนั้นยังไม่มีสถานสงเคราะห์คนชราจึงไม่รู้จะเอาแม่ไปฝากใครให้เลี้ยงแทนชายหนุ่มจึงตัดสินใจแบกเอาไปปล่อยป่าให้อยู่ตามยถากรรมระหว่างทาง แม่ไม่วอนขอ ไม่ถามไม่ว่าอะไร ตั้งใจหักกิ่งไม้ตามทางเรื่อยไปเข้าป่าลึก ไกลมากแล้วลูกชายวางแม่ลงบนโขดหินแล้วหันหลัง เดินทางกลับทางเดิมไปตอนนี้เองที่แม่ตะโกนตามหลังลูกชายไปว่าลูกเอ๋ย เดินตามรอยกิ่งไม้ที่แม่หักไว้ให้นะจะได้ไม่หลงทาง

มุมมองความรักของฉัน

07:13 Edit This 5 Comments »
เคยมีคนบอกว่า "การรักตัวเอง" กับ "การรักคนอื่น" แตกต่างกัน ฉันก็เคยคิดอย่างนั้น จนกระทั่งวันหนึ่งฉันได้รับรู้ถึงความรู้สึกของการรักใครสักคนมันเป็นความรู้สึกที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน มันเป็นความรู้สึกที่ห่วงใย ห่วงหา อาทร เสียสละ และพร้อมที่จะให้กับคนที่เรารัก ทำให้ฉันรู้ว่า "การรักคนอื่น" ก็เป็น "การรักตัวเอง" ในอีกรูปแบบหนึ่ง มันเป็นความสุขที่เราได้ให้ มันเป็นความอบอุ่นที่เราได้คิดถึง สิ่งที่ไม่เคยทำเราก็ทำ เพราะเขาคือคนที่เรารักเราอยากทำทุกอย่างเพื่อให้เขาอยู่กับเรานานๆ เพราะอะไร? เพราะเรารักตัวเอง กลัวเขาไปจากเรา กลัวเราต้องผิดหวัง เสียใจ การรักใครสักคนไม่ใช่เรื่องผิด ในมุมมองที่ต่างกัน เรารักเขา เราคิดถึงเขา เขาอาจจะรักใคร หรือคิดถึงใครอยู่ก็ได้ที่ไม่ใช่เรา และในทางกลับกัน อาจมีใครที่คิดถึงเรา และรักเราอยู่ แต่เรากลับไม่สนใจเขาเลยก็ได้ ไม่จำเป็นจะต้องได้ครอบครอง ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นเจ้าของ คิดซิว่า........ถึงเขาไม่ได้ให้ใจเรามา แต่เขาก็ยังได้รับใจจากเราไปไม่ใช่หรือ? อย่าหวังอะไรจากความรัก เพราะถ้าเรารู้จักความรักจริงๆ แล้ว ความรักจะสอนให้เราเป็นผู้ให้ ไม่ใช่ผู้รับ มันอาจจะต้องทุกข์บ้าง แต่เขาก็เป็นคนเดียวที่ทำให้เรายิ้มได้เมื่อคิดถึงเขาเขาก็เป็นคนเดียวที่ทำให้เราร้องไห้ได้เมื่อคิดถึงเขา และเขาก็เป็นคนเดียวที่เปลี่ยนวันที่หม่นหมองให้กลับเป็นวันที่สดใส อย่างไหนจะทุกข์กว่ากัน? กับการที่ต้องหลบตาเขาเพื่อที่จะตัดใจ หรือว่าได้สบตาและรักเขา "การตัดใจ" ต้องใช้ความพยายามและอดทน แต่ "การได้รัก" ใครสักคน ไม่ต้องใช้ความพยายาม และอดทน เมื่อไม่ได้เป็นที่หนึ่งในใจเขา เราอาจจะเป็นที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 หรือแม้ที่ 10 ก็ยังดีกว่าไม่มีความสำคัญอะไรกับใจเขาเลยไม่ใช่หรือ? อย่าโทษเขาที่ไม่ได้ให้ความรักกับเราอย่าโทษโชคชะตาที่ทำให้เรามาเจอเขาช้าไป อย่าโทษเราที่พยายามตัดใจจากเขาไม่ได้ จงขอบคุณที่อย่างน้อยเราก็ได้ให้ความรักกับเขาไป และจงขอบคุณที่อย่างน้อยครั้งหนึ่งเราก็ได้เรียนรู้ความรัก ความรักเป็นสิ่งสวยงาม อาจจะสมหวัง ผิดหวัง มีรอยยิ้ม มีเสียงหัวเราะ และบางครั้งอาจมีน้ำตา แต่ความรักในปัจจุบัน ควรเก็บรักษาเอาไว้ให้เรายิ้มได้เมื่อคิดถึงมันความรักที่ผ่านมาเก็บมันไว้เป็นประสบการณ์ ความรักที่ต้องเสียน้ำตาเก็บเอาไว้เป็นบทเรียน และความรักในอนาคต คิดต่อไปซิว่าเราต้องการให้เป็นอย่างไหน..... คนที่มีความรักที่เพียบพร้อมแล้ว มันเป็นเรื่องที่น่ายินดีไม่ใช่หรือ? จากที่เคยต้องอยู่คนเดียว มีตัวเราเพียง 1 เมื่อมีใครอีกคนเข้ามาอีก 1 มันก็ทำให้เราได้เรียนรู้ว่า 1+1 บางครั้งอาจจะยังเป็น 1แต่ความโดดเดี่ยว ความอ้างว้างกลับหายไป อย่าปล่อยให้สิ่งที่ดีที่ สุดสำหรับเราหลุดลอยไปลองคุยกันมากขึ้น รับรู้ความรู้สึกของอีกฝ่ายด้วยใจ จะทำให้เรารู้ว่าเราโชคดีแค่ไหนแล้วที่ได้รู้จักความรัก อย่าปล่อยให้ใครคนใดคนหนึ่งมีน้ำตา ทั้งๆ ที่อีกคนหนึ่งกำลังดีใจอย่าปล่อยให้ใครอีกคนหนึ่งยิ้ม ทั้งๆ ที่อีกคนหนึ่งกำลังร้องไห้ อย่าปล่อยให้ใครคนใดคนหนึ่งพูด ทั้งๆ ที่อีกคนหนึ่งไม่ต้องการฟัง ความรักต้องมาจากความรู้สึกของคนสองคน อย่าให้ใครคนใดคนหนึ่งหยิบยื่น แต่อีกคนหนึ่งไม่ต้องการ........ ความรักเป็นเพียงสายใยบางๆ ที่มันถูกหล่อหลอมขึ้นจากความรู้สึกต่างๆทั้งความอาทร ห่วงใย ห่วงหา คิดถึง..........ความอดทนจะทำให้อุปสรรคต่างๆ ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ความพยายามจะทำให้เราสองคนยังคงอยู่ ความไว้ใจจะทำให้ความรักของเราแข็งแกร่ง ความซื่อสัตย์จะทำให้ความรักของเรามั่นคงความเสมอต้นเสมอปลายจะทำให้ความรักของเราสวยงามและสุดท้ายความรักก็จะก่อตัวขึ้นเป็นความผูกพัน สิ่งเหล่านี้จะทำให้สายใยบางๆ ของความรัก กลายเป็นเชือกเส้นหนาที่ผูกคนสองคนไว้ด้วยกันมันจะเป็นเชือกที่มัดเราไว้ด้วยกัน เป็นเชือกที่ทำให้เราไม่อึดอัดเราจะไม่ดิ้นรนที่จะพยายามหลุดออกจากเชือกเส้นนี้ เมื่อได้เจอความรักที่ดีแล้ว จงทำให้เขารู้สึกว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว อย่าปล่อยให้เขาโดดเดี่ยว อย่าปล่อยให้เขาเดียวดาย คิดถึงสิ่งดีๆ ที่เราเคยมีกัน อย่าลืมวันแรกๆ ที่เรารู้สึกกับคนๆ นี้เขาเป็นคนดีที่สุดแล้วสำหรับเรา พยายามรักษาเขาไว้เพราะเมื่อเขาหลุดลอยไปแล้วเราจะไม่สามารถเรียกความรู้สึกต่างๆ กลับมาได้อีก เหมือนเวลาที่ไม่สามารถย้อนเดินกลับ ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด เพราะอดีตแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้วอย่านึกหรือพูดแต่คำว่า "ถ้ารู้อย่างนี้........" "ถ้าเป็นอย่างนั้น......." อย่าพูดอย่างเดียว การกระทำจะเป็นคำตอบทุกอย่าง เวลาจะเป็นสิ่งสนับสนุนการกระทำและคำพูดให้น่าเชื่อถือ อย่ารอเลย.........เมื่อเราคิดอะไร รู้สึกยังไง พูดเถอะ ทำเถอะอย่าปล่อยให้คำพูดดีๆ เก็บไว้อยู่กับตัวเราเพียงคนเดียว การรักใครสักคน การคิดถึงใครสักคน การห่วงใยใครสักคนไม่ใช่เรื่องผิด และในทางกลับกัน อย่าปล่อยอะไรให้ค้างคาใจ พูดสิ่งที่ไม่เข้าใจให้เขารับรู้บ้าง อย่าปล่อยให้เราหรือเขารู้สึกเพียงฝ่ายเดียว แค่นี้แหละ มุมมองความรักของฉัน คุณล่ะ คิดเหมือนฉันไหม?.....................

ช่วงเวลาที่นึกว่าเรามีความสุขที่สุดของชีวิต

02:27 Edit This 0 Comments »
สวัสดีอีกครั้งกับบทความใหม่ที่อยากเผยความรู้สึกใจในเล็กๆน้อยๆ ให้ได้รู้กันนะค่ะ

บทความนี้อาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องน้ำเน่าไปหน่อยแต่มันก็เป็นบทเรียนชีวิตของใครบางคนทีกำลังประสบปัญหาอยู่ในขณะนี้ เริ่มเลยหล่ะกันนะค่ะ.......ชีวิตนี้คุณเคยมีความสุขมากไหมและช่วงไหนบ้างที่คุณมีความสุข.....นั่งฟังเพลง....เล่นอินเตอร์เน็ต.....กิน....อาบน้ำ...เที่ยว...ดื่ม......ใช่อยู่ช่วงเวลานี้มันมีความสุขก็จริงแต่มันเป็นความสุขที่ฉาบฉวยแค่ช่วงเวลาหนึ่งมันก็หายไป ทั้งที่นอกเหนือจากเวลานั้นคุณมีเรื่องราวอีกมากมายในชีวิตที่ต้องเผชิญและทำให้คุณต้องมีแต่ความเหงา.....เหงาที่เกินจะแก้....และแล้ว...ณ เวลาหนึ่งความเหงามันเริ่มจางหายไปเมื่อมีใครบางคนเข้ามาเติมเต็มความอบอุ่น...คอยเป็นเพื่อนคิด คอยเป็นเพื่อนคุย และคอยเป็นเพื่อนกิน และเป็นเพื่อนที่คอยจูงมือเวลาที่ตากฝนหรือข้ามถนนไปด้วยกัน.....มันเป็นเวลาที่คนบางคนโหยหาความรู้สึกแบบนี้มานาน นับวันความเหงามันเริ่มจางหายและสุดท้ายเหลือแต่ความรักที่ล้นใจ มันเป็นอะไรที่คนคนหนึ่งมีความสุขกับมัน ความรักนี้มันชั่งมีค่าและหาที่เปรียบไม่ได้......................แต่แล้วนับวันไปความรักมันแรกหวานซาบซึ้งกินใจแต่สุดท้ายมันเริ่มจางหายเหลือแต่ลอยน้ำตา......คนคนนั้นกลับมาทิ้งเราไปเหลือแต่เพียงกลิ่นอายของความรักที่เค้ามีให้เรา