Swot analysis คือ อะไร ประโยชน์อย่างไรบ้าง

08:47 Edit This 0 Comments »
S หรือ Strengths หมายถึง จุดเด่นหรือจุดแข็ง ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยภายใน เป็นข้อดีที่เกิดจากสภาพแวดล้อมภายในบริษัท
จุดแข็งด้านการเงิน จุดแข็งด้านการผลิต จุดแข็งด้านทรัพยากรบุคคล
W หรือ Weaknesses หมายถึง จุดด้อยหรือจุดอ่อน ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยภายใน เป็นปัญหาหรือข้อบกพร่อง
ที่เกิดจากสภาพแวดล้อมภายในต่างๆ ของบริษัท ซึ่งบริษัทจะต้องหาวิธีในการแก้ปัญหานั้น
O หรือ Opportunities หมายถึง โอกาส ซึ่งเกิดจากปัจจัยภายนอก เป็นผลจากการที่สภาพแวดล้อมภายนอก
ของบริษัทเอื้อประโยชน์หรือส่งเสริมการดำเนินงานขององค์กร
T หรือ Threats หมายถึง อุปสรรค ซึ่งเกิดจากปัจจัยภายนอก เป็นข้อจำกัดที่เกิดจากสภาพแวดล้อมภายนอก ซึ่งธุรกิจ
จำเป็นต้องปรับกลยุทธ์การตลาดให้สอดคล้องและพยายามขจัดอุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้น
ประโยชน์ของ SWOT
: กำหนดจุดแข็งและจุดอ่อนจากสภาพแวดล้อมภายใน โอกาสและอุปสรรคจากสภาพแวดล้อมภายนอก ตลอดจนผลกระทบที่มีศักยภาพ
จากปัจจัยต่อการทำงาน พูดให้เข้าใจง่ายคือ เพื่อให้ท่านได้ย้อนกลับมาวิเคราะห์ และพิจารณาตัวเองอย่างละเอียดรอบคอบอีกครั้ง
เป็นการสำรวจตัวเอง เพื่อทำความรู้จักตัวเองให้ดีขึ้น ซึ่งยิ่งเรารู้จักตัวตนของตัวเองมากเท่าไร ก็ยิ่งจะเป็นสิ่งที่ดีต่อเรามากขึ้นเท่านั้นเปรียบ
ได้เหมือนกับการบริหารองค์กรผลดีที่ตามมากเช่น
- โอกาสผิดพลาดจาก คุณภาพของข้อมูลที่นำมาใช้วิเคราะห์มีน้อยลง
- มีการวิเคราะห์และแก้ปัญหาในการดำเนินการที่ดี
- สามารถวิเคราะห์โครงการที่จะเกิดขึ้นใหม่ได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพ
- เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในองค์กรให้ดีขึ้น

ฯลฯ

The White Ocean

08:45 Edit This 0 Comments »
White Ocean Strategy หรือกลยุทธ์น่านน้ำสีขาว คือ การเอาเรื่องนามธรรม เช่น คุณธรรม จริยธรรม วัฒนธรรม ศาสนา
มาใช้เป็นตัวนำในการดำเนินกลยุทธ์ทางธุรกิจมากขึ้น เช่น การตอบแทนสังคม พราะถ้าหากองค์กรมีการบริหารจัดการที่ดี
แต่ขาดสินค้าที่มีคุณภาพดี ขาดการใส่ใจในผู้บริโภค และไม่มีความรับผิดชอบสังคม ก็อาจจะ
ทำให้องค์กรนั้นไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ หรือหากองค์กรมีวิธีในการบริหารจัดการไม่ดี แต่มีสินค้าคุณภาพดี
มีความรับผิดชอบต่อสังคม ก็ไม่อาจจะทำให้องค์กรนั้นประสบความสำเร็จได้เช่นเดียวกัน
มีธุรกิจมากมายที่เติบโตอย่างยั่งยืน โดยปัจจัยที่ทำให้บริษัทเหล่านี้ ประสบความสำเร็จมาจาก "กลยุทธ์น่านน้ำสีขาว"
ที่ให้ความสำคัญกับการ "แบ่งปัน" และไม่ได้มองแต่ "ตัวเอง" ว่าสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด

The Blue Ocean

08:45 Edit This 0 Comments »
Blue Ocean หรือน่านน้ำสีคราม Blue Ocean
= ธุรกิจที่คิดนอกกรอบทะเลผืนใหม่ที่แวดวงธุรกิจพากันแสวงหา
การสร้างสรรค์สินค้า หรือบริการด้วยการใช้ 'ไอเดีย' และ 'ความคิด' ผลิตสินค้ารูปแบบเดียวกันป้อนสู่ตลาด
ไม่เอาชนะกันด้วยสินค้าลอกเลียนแบบ แต่จะเลือกพัฒนาสินค้าของตนให้แหวกแนวไปจากที่มีอยู่
เน้นความเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดที่ไม่เคยมีมาก่อน
ใช้ “นวัตกรรมใหม่” และ “ความต่าง” เป็นตัวดึงดูดความสนใจของลูกค้า จนเกิดเป็นนวัตกรรมใหม่ๆ
ก่อให้เกิดตลาดผู้บริโภคใหม่ๆ ที่ยังไม่มีใครเข้ามาแข่งขันแย่งชิง

The Red Ocean

08:43 Edit This 0 Comments »
Red Ocean "ตาต่อตา ฟันต่อฟัน""น่านน้ำสีเลือด" คือ Red Ocean
= ธุรกิจในการแข่งขัน ช่วงมีทรัพยากรในมือมากๆ
ยังมีที่ให้ยืนอยู่ได้อย่างมั่นคง แต่หลังจากทรัพยากรหมดลง
โอกาสเพลี้ยงพล้ำต่อคู่แข่ง ย่อมเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา Red Ocean
ถือเป็นหนทางหนึ่งที่เคยช่วยให้หลายธุรกิจประสบความสำเร็จ
แต่ในความสำเร็จนั้นกลับก่อให้เกิดความรุนแรงในแวดวงธุรกิจการตลาดเพราะวิถีทางแห่งกลยุทธ์ Red Ocean
คือการแข่งขันเพื่อให้ได้มาซึ่ง ความเป็น “เบอร์หนึ่ง” ทางธุรกิจถือเป็นจุดประสงค์หลักของกลยุทธ์นี้
แต่การมุ่งเอาชนะคู่แข่ง เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดที่มากกว่าโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใดนั้น
นอกจากจะทำให้เกิดการแข่งขันที่ดุเดือดแล้ว ยังมีโอกาสเกิดการบาดเจ็บทางธุรกิจด้วยกันทุกฝ่าย

บททความ จาก http://mukdahancampus.blogspot.com/

08:01 Edit This 0 Comments »
4. เข้าไปอ่าน mukdahancampus.blogspot.com
จากบททความ จาก http://mukdahancampus.blogspot.com/ ซึ่งเรียบเรียงโดย ผศ.ดร.มนูญ ศรีวิรัตน์ รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและสารสนเทศ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี นั้นเมื่ออ่านจบดิฉันซึ่งเป็นผู้อ่านคนหนึ่งเมื่ออ่านแล้วได้แนวคิดเห็นว่า จังหวัดมุกดาหารเป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์ประกอบด้วยภูมิทัศน์และภูมิภาคที่มีริมฝั่งแม่น้ำโขงติดกับเพื่อนบ้านของเรา ดังนั้นจึงเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะมีการพัฒนาการศึกษาในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร เพื่อให้เยาวชนหรือผู้สนใจในการศึกษาไม่ว่าจะเป็นลูกหลานชาวมุกดาหารเองหรือว่าประเทศเพื่อนบ้านที่สนใจได้มาศึกษา และอีกเหตุผลหนึ่งเพื่อเป็นการตอบสนองวิสัยทัศน์ของมหาวิทยาลัยที่ว่า “ เป็นมหาวิทยาลัยแห่งคุณภาพ ที่เน้นนวัตกรรมการจัดการเรียนรู้ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของบัณฑิตและประชาชนบนฐานภูมิปัญญาอีสานใต้และอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ”

เสนอโครงการที่อยากทำให้สอดคล้องกับโครงการ

08:00 Edit This 0 Comments »
3. อ่านแล้วเสนอโครงการที่อยากทำให้สอดคล้องกับโครงการ
แผน แม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ฉบับที่ 2) ของประเทศไทย พ.ศ. 2552-2556 เป็นแผนพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศ ซึ่งมีความต่อเนื่องของนโยบาย จากนโยบาย IT 2010 และแผนแม่บทฯ (ฉบับที่ 1) ควบคู่กับการกำหนดนโยบายใหม่เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีเศรษฐกิจ และสังคม ซึ่งเป็นทั้งโอกาสและเครื่องมือในการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของ ประเทศ เป็นการแสดงเจตนารมณ์และทิศทางการพัฒนาประเทศด้วยเทคโนโลยีสารสนเทศและการ สื่อสารของรัฐบาลที่ชัดเจน หลายคนที่เฝ้ามองแผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร ฉบับ 2 นี้ จะเป็นยุทธศาสตร์ที่สอดคล้องกับสถานการณ์จริง และเพื่อให้เกิดการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยในเวทีโลก เพื่อให้ประเทศมีการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจ และสังคมไปในทางที่ดีขึ้นและไม่ด้อยการพัฒนาเท่าทันขีดความสามารถด้านเทคโนโ,ยสารสนและก่ารสื่อสารในประเทศอื่นๆ
และที่สำคัญนั้นในแผนแม่บทนี้หวังเป็นอย่างยิ่งสำหรับร่างแผนแม่บทนี้การดำเนินการในการวางแผนควรต้องมีการวิเคราะห์องค์รวมในทุกๆด้านถึงแม้ว่าในการวิเคราะห์ในแผนแม่บทฉบับนี้อาจดูเหมือนว่ายังไม่เห็นข้อผิดพลาดที่เห็นได้ชัดแต่อยากให้คำนึงถึงผลกระทบที่จะส่งผลต่อสภาวะแวดล้อมเป็นสำคัญด้วยหากแม้นคำนึงในสิ่งนี้แล้วไม่ว่าเทคโนโลยีสารสนเทศจะพัฒนาไปถึงขั้นไหนแล้ว ประเทศของเรายังจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อมไปในตัวด้วย

ICT ของประเทศไทยแผนแม่บทฉบับที่ 2 ที่ประกาศใช้

08:00 Edit This 0 Comments »
2. อ่าน ICT ของประเทศไทยแผนแม่บทฉบับที่ 2 ที่ประกาศใช้
แผนแม่บทเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ฉบับที่ 2 ของประเทศไทย (พ.ศ.2552-2556) ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นคือ
• หน่วยงานรัฐทุกระดับชั้น จะต้องปรับแผนแม่บทด้านไอซีทีของตัวเองให้เข้ากับแผนแม่บทแห่งชาติฉบับนี้
• สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ สำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เป็นหน่วยงานหลักสำหรับการผลักดันนโยบายตามแผนแม่บทนี้
• หน่วยงานด้านงบประมาณต่างๆ จะใช้แผนแม่บทนี้ประกอบการพิจารณางบประมาณด้านไอซีที
ส่วนเนื้อหาในแผนแม่บท ICT ฉบับที่ 2 ยกมาจากมติ ครม.
สรุปสาระสำคัญของแผนแม่บทฯ ได้ดังนี้
1. วิสัยทัศน์ ประเทศไทยเป็นสังคมอุดมปัญญา (Smart Thailand)
2. พันธกิจ พัฒนากำลังคนให้มีคุณภาพและปริมาณที่เพียงพอ พัฒนาโครงข่ายสารสนเทศและการสื่อสารความเร็วสูง พัฒนาระบบบริหารจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่มีธรรมาภิบาล
3. วัตถุประสงค์ เพื่อเพิ่มปริมาณและศักยภาพของกำลังคน เพื่อสร้างธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อสนับสนุนการปรับโครงสร้างการผลิต เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนและปัจเจกบุคคล เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของธุรกิจและอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการ สื่อสาร
4. เป้าหมาย
- ประชาชนไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของประชากรทั้งประเทศมีความรอบรู้ สามารถเข้าถึง สร้างสรรค์และใช้สารสนเทศอย่างมีวิจารณญาณ รู้เท่าทัน มีคุณธรรมและจริยธรรรม ก่อเกิดประโยชน์ต่อการเรียนรู้ การทำงานและการดำรงชีวิตประจำวัน
- ยกระดับความพร้อมทางด้าน เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศ โดยให้อยู่ในกลุ่มประเทศที่มีระดับการพัฒนาสูงสุด ร้อยละ 25 (Top Quartile) ของประเทศที่มีการจัดลำดับทั้งหมดใน Networked Readiness Index
- เพิ่มบทบาทและความสำคัญของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารในระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีสัดส่วนมูลค่าเพิ่มของอุตสาหกรรม ICT ต่อ GDP ไม่น้อยกว่าร้อยละ 15
5. ยุทธศาสตร์ การพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารตามแผนแม่บทฯ (ฉบับที่ 2) มี 6 ยุทธศาสตร์ ดังนี้
- ยุทธศาสตร์ที่ 1 พัฒนากำลังคนด้าน ICT และบุคคลทั่วไปให้มีความสามารถในการสร้างสรรค์ ผลิต และใช้สารสนเทศอย่างมีวิจารณญาณและรู้เท่าทัน
- ยุทธศาสตร์ที่ 2 บริหารจัดการ ICT ของประเทศอย่างมีธรรมาภิบาล (National ICT Governance)
- ยุทธศาสตร์ที่ 3 พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
- ยุทธศาสตร์ ที่ 4 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อสนับสนุนให้เกิดธรรมาภิบาลในการ บริหารและบริการของภาครัฐ (e-Governance)
- ยุทธศาสตร์ที่ 5 ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและรายได้เข้าประเทศ
- ยุทธศาสตร์ที่ 6 ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน

บทความ : การประยุกต์ใช้เครือข่ายสังคมคอมพิวเตอร์เพื่อการเรียนการสอน กรณีศึกษา มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

07:58 Edit This 0 Comments »
1. อ่านบทความแล้วมีความคิดเห็นอย่างไร
การใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อการศึกษามีความหมายครอบคลุมกิจกรรมด้านการศึกษาที่ถูกวางรูปแบบโดยอาจารย์ผู้ทำหน้าที่ถ่ายทอดความรู้ผ่านทางอินเทอร์เน็ต เนื่องจากรูปแบบการสื่อสารและการควบคุมนักศึกษาทางไกลแบบ Online มีลักษณะพิเศษที่แตกต่างจากการเรียนการสอนในห้องเรียนซึ่งทำกันเป็นปกติการศึกษาในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตสามารถแสดงความสัมพันธ์ของกิจกรรมต่าง ๆ เพราะจำนวนของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อการศึกษามีความสัมพันธ์กันในอัตราส่วนที่มากโดยพบว่าขั้นพื้นฐานจะมีจำนวนประชากรที่ใช้อินเทอร์เน็ตมาก
จากข้อเท็จจริงดังกล่าวทำให้วิธีการที่จะสร้างให้มีกิจกรรมเพื่อการศึกษาผ่านอินเทอร์เน็ตอย่างได้ผล จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดำเนินการวางแผนเครือข่ายคอมพิวเตอร์ให้เป็นบริการสาธารณูปโภคของประเทศที่มีประสิทธิภาพให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ในเวลาอันรวดเร็วที่สุด

กลยุทธ์ หรือ strategic คือ อะไร

08:07 Edit This 0 Comments »
วิธีการหรือแผนการคิดที่คิดขึ้นอย่างรอบคอบ มีลักษณะเป็นขั้นเป็นตอน และมีกระบวนการตัดสินใจเพื่อกำหนดทิศทางในอนาคตขององค์กรโดยกำหนดสภาพการณ์ในอนาคตที่ต้องการบรรลุและกำหนดแนวทางในการบรรลุสภาพการณ์ที่กำหนดบนพื้นฐานข้อมูลที่รอบด้านอย่างเป็นระบบ การกำหนดแนวทาง
ในอนาคตที่ต้องการให้เกิดนั้นจะต้องตั้งอยู่บนหลักพื้นฐานของข้อมูลที่รอบด้าน

วิเคราะห์จุดเด่น จุดควรพัฒนา ด้าน ICT ของ ม.อุบลฯ

08:05 Edit This 0 Comments »
คำถาม คือ ให้นักศึกษาวิเคราะห์จุดเด่น จุดด้อย (จุดควรพัฒนา) ด้าน ICT ของ ม.อุบลฯ อย่างละ 10 ข้อ พร้อมเสนอข้อแนะนำด้าน ICT 10 ข้อ
ข้อเด่น
1. ช่วยจัดการเรียนการสอนให้กับนักศึกษาได้เข้าใจเนื้อหางานมากขึ้น
2. ช่วยลดข้อจำกัดในเรื่องของระยะทาง
3. นักศึกษาสามารถเรียนรู้เรื่องราวต่าง ๆ ที่สนใจได้ตลอดเวลา
4. ช่วยลดข้อจำกัดเรื่องเวลา
5. ICT ช่วยแก้ปัญหาเรื่องขาดแคลนบุคลากรที่เชี่ยวชาญ
6. สามารถเรียนรู้รูปแบบมัลติมีเดีย หรือระบบ E-Learning ที่มีการจัดการเรียน-การสอนโดยจำลองแบบมาจากห้องเรียนจริง
8. ช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายในการศึกษาเพราะสามารถกระจายชุดการเรียน-การสอนไปยังผู้เรียนโดยผ่านเครือข่ายได้อย่างทั่วถึง
7. ทำให้เราทันข่าวสาร
8. สะดวกในการค้นข่าวสาร
9. ลดการใช้กระดาษและเอกสารสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ลง และใช้ระบบฐานข้อมูลที่เป็นแบบแผนเดียวกัน
10. สนับสนุนหน่วยงานต่างๆภายในสถานศึกษาให้เกิดประสิทธิภาพ

จุดด้อย
1. การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นการลงทุนที่ใช้ต้นทุนสูง
2. ข้อจำกัดเรื่องความเร็วเน็ต
3. ปัญญาด้านบุคลากรไม่มีความเชี่ยวชาญพอ
4. บางครั้งระบบมีการโต้ตอบที่ช้ามาก
5. ผู้ใช้งานระบบใหม่ไม่ค่อยรู้เรื่องระบบมากนัก
6. กลไกการบริหารนโยบายและการบริหารจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการศึก
ษาบางครั้งไม่รอบคอบนัก
7. ถูกจำกัดด้วยขนาดและไม่มีการออกแบบเรื่องความปลอดภัย
8. ไวเล็ตในมหาลัยจะใช้งานได้แค่บางจุดเท่านั้น และความเร็วก็ไม่มากเลย
9. บางวิชาที่ต้องส่งงานผ่านทางเว็บไซต์นั้นจะไม่แจ้งก่อน ทำให้นักศึกษาบางคนที่ไม่ค่อยได้เข้าไปดูไม่ทราบ
10. การเรียนการสอนบางวิชานั้นจะมีรหัสซึ่งนักศึกษาบางคนที่สนใจจะเข้าไปอ่านก็ไม่สามารถเข้าไปอ่านได้

ข้อเสนอแนะ
1. ควรตรวจสอบพื้นที่การกระจายของสัญญาณไวเลตก่อนการติดตั้งให้ดี
2. มีการแจ้งการทำกิจกรรมต่างๆผ่านเมลล์ของนักศึกษา
3. เว็บที่ใช้เป็นสือกลางในมหาวิทยาลัยควรจะมีการแจ้งรายละเอียดของรายวิชานั้นให้ถี่ถ้วน
4. เว็บไซต์ของมหาลัยควรจะมีกลไกในการบริหารงานให้มากกว่านี้อย่างเช่นวันเวลาในการลงทะเบียนเร็วเกินไป
5. ควรมีหน้าเว็บที่ช่วยบอกวิธีการใช้งานเว็บไซต์
6. เมื่อนักศึกษาคอมเม้นต์เกี่ยวกับการวางระบบการบริหารเครือข่ายอินเทอร์เนตไปแล้วควรจะพิจารณาหน่อยควรที่จะเข้ามาตรวจสอบหน่อย
7. อยากให้มีบริการถ่ายเอกสารให้กับนักศึกษา
8. น่าจะมีเว็บของแต่ลละรายวิชาและให้นักศึกษาส่งงานทางเว็บรายวิชานั้นๆ
9. อยากให้ทางมหาลัยมีขั้นตอนในการตรวจสอบการลงทะเบียนของนักศึกษาให้ถี่ถ้วน
10. นักศึกษาสามารถตรวจสอบรายระเอียดการลงทะเบียนแต่ละรายวิชาเช่นรายวิชานั้นมีรายชื่อของนักศึกษาอยู่ด้วย

ชาวบ้านสุดทน แห่ร้องตร. ช่วยหญิงชราอายุ 97 ปี ถูกลูกสาวในไส้ทำร้ายร่างกายสารพัดวิธีทารุณสุดร้ายนาน 4 ปี

20:22 Edit This 2 Comments »
ชาวบ้านสุดทนแห่แจ้งตร।มาช่วยเหลือแม่เฒ่า โดยถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน ทั้งใช้มือบีบปากบีบคอ ใช้ไม้ถูพื้นฟาดจนหงายหลัง เคยร้องเรียนผู้เกี่ยวข้องหลายครั้งแต่ไม่มีความคืบหน้า ตร.ไปตามตัวแต่ไม่พบ ปล่อยแม่อายุเกือบร้อยปีนอนอยู่บ้านตามลำพัง เตรียมดำเนินคดีฐานกระทำทารุณบุพการีเมื่อ วันที่ 19 ก.ค. พล.ต.ต.ต่อศักดิ์ สะอาดพรรค ผบก.ภ.จว.สุโขทัย ได้รับร้องเรียนจากชาวบ้านใน อ.กงไกรลาศ ว่า ที่บ้านเลขที่ 78 หมู่ 1 ต.ป่าแฝก อ.กงไกรลาศ จ.สุโขทัย มีหญิงชราอายุเกือบ 100 ปี ถูกลูกสาวในไส้ทำร้ายร่างกายเป็นประจำทุกวัน ทั้งกลางวันกลางคืน ได้รับความทุกข์ทรมานทั้งทางร่างกายและจิตใจมานานเกือบ 4 ปี จนเป็นที่สลดหดหู่สมเพชเวทนาของชาวบ้าน แม้ชาวบ้านจะเคยร้องเรียนไปยังหน่วยงานต่างๆ หลายครั้ง แต่ยังไม่มีหน่วยงานใดมาช่วยเหลือ




ภาย หลังรับเรื่องร้องเรียน พล.ต.ต.ต่อศักดิ์สั่งการพ.ต.อ.เริงเกียรติ โสธรเจริญสินธ์ ผกก. สภ.กงไกรลาศ ดำเนินการสืบสวนสอบสวนและช่วยเหลือหญิงชรารายนี้ จาก การสอบ ถามชาวบ้านทราบว่าหญิงชราที่ถูกลูกในไส้ทำร้าย คือ นางเลื่อน ม่วงเขียว อายุ 97 ปี อยู่บ้านเลขที่ 78 หมู่ที่ 1 ต.ป่าแฝก อ.กงไกร ลาศ ส่วนลูกสาว คือ น.ส.ดาวเรือง ม่วงเขียว อายุ 59 ปี เป็นลูกคนที่ 4 จากทั้งหมด 5 คน สำหรับพฤติกรรมของน.ส.ดาวเรืองที่กระทำกับแม่ผู้ให้กำเนิดซึ่งอยู่ในวัยชรา นั้น มีทั้งใช้มือตบ บีบปากบีบคอ ใช้ไม้ถูพื้นและไม้กวาดฟาดตีตามตัว ใช้ขันน้ำโขกศีรษะ ใช้ช้อนป้อนข้าวกะซวกปากแรงๆ หลายครั้งถึงขั้นหงายท้อง ที่เลวร้ายสุดๆ คือใช้เท้าถีบหน้าแม่จนล้มหงายต่อหน้าชาวบ้าน ครู และเด็กนักเรียนจำนวนมาก นอกจากนี้ ตอนกลางคืนชาวบ้านยังได้ยินนางเลื่อนส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดเป็นประจำ ซึ่งชาวบ้านได้ถ่ายคลิปเก็บไว้เป็นหลักฐานด้วย ทุกคนพร้อมเป็นพยานหากมีการดำเนินคดีน.ส.ดาวเรืองฐานทำร้ายและทารุณบุพการีตัว แทนชาวบ้านเปิดเผยว่า ที่ผ่านมาร้องเรียนกับผู้นำชุมชนแล้วทุกระดับ แต่ไม่มีอะไรคืบหน้าใดๆ ต่างก็อ้างเป็นเรื่องส่วนตัวในครอบครัว ช่วยอะไรไม่ได้ ขณะที่ชาวบ้าน ละแวกนั้นเคยขอร้องน.ส.ดาวเรืองให้หยุดทำร้ายแม่ตัวเอง แต่ก็ถูกดุด่าต่อว่ากลับมา จึงไม่มีใครอยากเข้าไปยุ่งเกี่ยว นับเวลาก็นานเกือบ 4 ปีแล้ว ทั้งนี้ เมื่อเร็วๆ นี้เกิดเหตุการณ์ฟ้าผ่าต้นมะพร้าวหน้าบ้านของน.ส.ดาวเรืองจนยืนต้นตาย ทั้งที่อยู่ในช่วงกลางวันแสกๆ ไม่มีเค้าเมฆฝนแต่อย่างใด ทำให้ชาวบ้านวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางว่าอาจเป็นลางบอกเหตุถึงสิ่ง ที่น.ส.ดาวเรืองกระทำทารุณต่อผู้เป็นแม่บังเกิดเกล้าจากนั้น พ.ต.อ.เริงเกียรติ ผกก.สภ. กงไกรลาศ ส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจไปเชิญตัว น.ส.ดาวเรืองมาโรงพัก แต่ไม่พบตัว เพื่อน บ้านแจ้งว่าออกไปไหนไม่มีใครรู้ ปล่อยแม่อายุเกือบร้อยปีนอนอยู่บริเวณชานบ้านตามลำพัง ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะติดตามตัวน.ส.ดาวเรืองมาให้ได้ และต้องการให้ผู้เห็นเหตุการณ์มาเป็นพยาน เพื่อดำเนินคดีกับน.ส.ดาวเรืองฐานทำร้ายร่างกายและกระทำทารุณบุพการี ด้านพล.ต.ต.ต่อศักดิ์ ผบก.ภ.จว.สุโขทัย กล่าวเพิ่มเติมว่า สั่งการด่วนผกก.สภ.กงไกร ลาศ รีบช่วยเหลือนางเลื่อน และเชิญตัว น.ส.ดาวเรืองมาสอบสวน แต่น.ส.ดาวเรืองหลบหนีจากบ้านก่อนเจ้าหน้าที่ไปถึง อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะติดตามตัวมาให้ได้ โดยใช้มาตรการทางกฎหมายตามพ.ร.บ.ป้องกันความรุนแรงในครอบครัว ดำเนินการกับ น.ส.ดาวเรือง รวมทั้งต้องตรวจสอบสุขภาพจิตด้วย เบื้องต้นเท่าที่ทราบพบว่าน.ส.ดาวเรืองยังพูดคุยรู้เรื่อง มีสติ ไม่ใช่คนวิกลจริตแต่อย่างใดขณะ ที่นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องความรุนแรงในครอบครัว ระหว่างลูกสาวกับมารดา หากต้องการดําเนินคดีเอาผิด กับน.ส.ดาวเรือง ต้องให้ผู้เสียหาย คือ นางเลื่อน เป็นผู้แจ้งความ ส่วนกรณีที่ไม่มีการแจ้งความดําเนินคดีกับผู้กระทําผิดนั้น ขณะนี้มีพ.ร.บ.ผู้ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงในครอบครัว ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถนํามาใช้จัดการปัญหานี้ได้ อย่างไรก็ตาม กรณีนี้เจ้าหน้าที่ต้องเชิญน.ส.ดาวเรืองมาพูดคุยกันก่อน พร้อมทําข้อตกลงกันว่าต่อไปหากยังทําร้ายมารดาอีกจะต้องถูกดําเนินคดีทาง กฎหมาย ลักษณะเป็นการปรามไม่ให้กระทําอะไรที่รุนแรงกับมารดาอีก เป็นการคาดโทษเอาไว้

ลูกทรพีทำร้ายแม่วัยชราปางตาย แค้นขอเงินซื้อเหล้าไม่ให้-แถมขู่ฆ่า

18:13 Edit This 0 Comments »
เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่เป็นตัวอย่างให้แก่ลูกทุกคน
ลูกทรพีขี้เมา ชกต่อยแม่เฒ่าวัย 66 ตาเขียวช้ำทั้งสองข้าง ผลักอกล้ม เตะซ้ำแขนหัก สุดทนตามราวีถึง รพ. ข่มขู่ฆ่า-หากนำเรื่องแจ้ง ตร.นักสังคมสงเคราะห์เตรีย
ลูกทรพีขี้เมา ชกต่อยแม่เฒ่าวัย 66 ตาเขียวช้ำทั้งสองข้าง ผลักอกล้ม เตะซ้ำแขนหัก สุดทนตามราวีถึง รพ. ข่มขู่ฆ่า-หากนำเรื่องแจ้ง ตร.นักสังคมสงเคราะห์เตรียมรับเข้าบ้านคนชรา
เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 4 กุมภาพันธ์ ร.ต.ท.ไพโรจน์ ทองมาเอง ร้อยเวร สภ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี รับแจ้งจากโรงพยาบาลพุทธบาทว่า มีแม่เฒ่าถูกลูกบังเกิดเกล้าชกต่อยจนตาสองข้างเขียวช้ำและผลักล้มกระแทกพื้นจนแขนหัก เข้ารักษาตัวตั้งแต่วันที่ 30 มกราคมเป็นต้นมา
สอบสวน นางจำลอง วันเพ็ญ อายุ 66 ปี ให้การว่า ถูกนายมนัส จันทร์สูง อายุ 28 ปี ลูกชายซึ่งชอบดื่มสุราเมามาย กลับเข้าบ้านขอเงินไปซื้อเหล้าอีก พอไม่ให้ก็ซ้อมเป็นประจำ ก่อนเกิดเหตุเมากลับมาก็ขอเงิน ตนไม่มีให้ ทำให้ นายมนัส โกรธแค้นไม่พอใจ ตรงเข้าฉุดกระชากลากตัวออกมาหน้าบ้านทำการชกต่อยใบหน้าหลายครั้งจนดวงตาทั้ง 2 ข้าง บวมเป่ง เขียวซ้ำ มีเลือดไหลออกปากและจมูก
ลูกชายยังเตะซ้ำและผลักตัวเองล้มลงทำให้แขนซ้ายหักจากการกระแทกพื้นจนสลบแน่นิ่ง มารู้สึกตัวอีกทีเมื่อชาวบ้านนำส่งโรงพยาบาล แพทย์ทำการผ่าตัดดามเหล็กใส่เฝือกให้ จนขณะนี้อาการดีขึ้น นางจำลองกล่าว
ด้าน นางปานใจ ดุรงค์ฤทธิ์ชัย นักสังคมสงเคราะห์โรงพยาบาลพระพุทธบาท รับทราบจากปากคำนางลำลองว่า ครั้งนี้ทนไม่ไหว เพราะลูกชายยังตามมาที่โรงพยาบาลและต่อว่าขู่ฆ่า ห้ามนำเรื่องที่เกิดขึ้นไปบอกใคร หรือแจ้งตำรวจ ไม่เช่นนั้นกลับมาอยู่ที่บ้านจะฆ่าให้ตาย หากทางโรงพยาบาลให้กลับจะรับตัวไปอยู่บ้านพักฉุกเฉินคนชรา อ.หนองแค เพราะยังอยู่ในระหว่างแขนที่หักให้หายคาดว่าอีก 1 เดือน
ต่อมาตำรวจเดินทางไปที่บ้านพักผู้บาดเจ็บ แต่ไม่พบตัวผู้ก่อเหตุสันนิษฐานว่า หลบหนีออกจากบ้านไปแล้ว อย่างไรก็ตาม จะได้ขออนุมัติศาลจังหวัดสระบุรีออกหมายจับ เพื่อจับกุมในข้อหาทำร่างกายบุพการีของตนให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสต่อไป

ความรักของแม่

18:05 Edit This 0 Comments »
แม่ผู้แก่เฒ่าเดินไม่ได้คนหนึ่งเป็นที่รำคาญใจของลูกชายเหลือเกินสมัยนั้นยังไม่มีสถานสงเคราะห์คนชราจึงไม่รู้จะเอาแม่ไปฝากใครให้เลี้ยงแทนชายหนุ่มจึงตัดสินใจแบกเอาไปปล่อยป่าให้อยู่ตามยถากรรมระหว่างทาง แม่ไม่วอนขอ ไม่ถามไม่ว่าอะไร ตั้งใจหักกิ่งไม้ตามทางเรื่อยไปเข้าป่าลึก ไกลมากแล้วลูกชายวางแม่ลงบนโขดหินแล้วหันหลัง เดินทางกลับทางเดิมไปตอนนี้เองที่แม่ตะโกนตามหลังลูกชายไปว่าลูกเอ๋ย เดินตามรอยกิ่งไม้ที่แม่หักไว้ให้นะจะได้ไม่หลงทาง

มุมมองความรักของฉัน

07:13 Edit This 5 Comments »
เคยมีคนบอกว่า "การรักตัวเอง" กับ "การรักคนอื่น" แตกต่างกัน ฉันก็เคยคิดอย่างนั้น จนกระทั่งวันหนึ่งฉันได้รับรู้ถึงความรู้สึกของการรักใครสักคนมันเป็นความรู้สึกที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน มันเป็นความรู้สึกที่ห่วงใย ห่วงหา อาทร เสียสละ และพร้อมที่จะให้กับคนที่เรารัก ทำให้ฉันรู้ว่า "การรักคนอื่น" ก็เป็น "การรักตัวเอง" ในอีกรูปแบบหนึ่ง มันเป็นความสุขที่เราได้ให้ มันเป็นความอบอุ่นที่เราได้คิดถึง สิ่งที่ไม่เคยทำเราก็ทำ เพราะเขาคือคนที่เรารักเราอยากทำทุกอย่างเพื่อให้เขาอยู่กับเรานานๆ เพราะอะไร? เพราะเรารักตัวเอง กลัวเขาไปจากเรา กลัวเราต้องผิดหวัง เสียใจ การรักใครสักคนไม่ใช่เรื่องผิด ในมุมมองที่ต่างกัน เรารักเขา เราคิดถึงเขา เขาอาจจะรักใคร หรือคิดถึงใครอยู่ก็ได้ที่ไม่ใช่เรา และในทางกลับกัน อาจมีใครที่คิดถึงเรา และรักเราอยู่ แต่เรากลับไม่สนใจเขาเลยก็ได้ ไม่จำเป็นจะต้องได้ครอบครอง ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นเจ้าของ คิดซิว่า........ถึงเขาไม่ได้ให้ใจเรามา แต่เขาก็ยังได้รับใจจากเราไปไม่ใช่หรือ? อย่าหวังอะไรจากความรัก เพราะถ้าเรารู้จักความรักจริงๆ แล้ว ความรักจะสอนให้เราเป็นผู้ให้ ไม่ใช่ผู้รับ มันอาจจะต้องทุกข์บ้าง แต่เขาก็เป็นคนเดียวที่ทำให้เรายิ้มได้เมื่อคิดถึงเขาเขาก็เป็นคนเดียวที่ทำให้เราร้องไห้ได้เมื่อคิดถึงเขา และเขาก็เป็นคนเดียวที่เปลี่ยนวันที่หม่นหมองให้กลับเป็นวันที่สดใส อย่างไหนจะทุกข์กว่ากัน? กับการที่ต้องหลบตาเขาเพื่อที่จะตัดใจ หรือว่าได้สบตาและรักเขา "การตัดใจ" ต้องใช้ความพยายามและอดทน แต่ "การได้รัก" ใครสักคน ไม่ต้องใช้ความพยายาม และอดทน เมื่อไม่ได้เป็นที่หนึ่งในใจเขา เราอาจจะเป็นที่ 2 ที่ 3 ที่ 4 หรือแม้ที่ 10 ก็ยังดีกว่าไม่มีความสำคัญอะไรกับใจเขาเลยไม่ใช่หรือ? อย่าโทษเขาที่ไม่ได้ให้ความรักกับเราอย่าโทษโชคชะตาที่ทำให้เรามาเจอเขาช้าไป อย่าโทษเราที่พยายามตัดใจจากเขาไม่ได้ จงขอบคุณที่อย่างน้อยเราก็ได้ให้ความรักกับเขาไป และจงขอบคุณที่อย่างน้อยครั้งหนึ่งเราก็ได้เรียนรู้ความรัก ความรักเป็นสิ่งสวยงาม อาจจะสมหวัง ผิดหวัง มีรอยยิ้ม มีเสียงหัวเราะ และบางครั้งอาจมีน้ำตา แต่ความรักในปัจจุบัน ควรเก็บรักษาเอาไว้ให้เรายิ้มได้เมื่อคิดถึงมันความรักที่ผ่านมาเก็บมันไว้เป็นประสบการณ์ ความรักที่ต้องเสียน้ำตาเก็บเอาไว้เป็นบทเรียน และความรักในอนาคต คิดต่อไปซิว่าเราต้องการให้เป็นอย่างไหน..... คนที่มีความรักที่เพียบพร้อมแล้ว มันเป็นเรื่องที่น่ายินดีไม่ใช่หรือ? จากที่เคยต้องอยู่คนเดียว มีตัวเราเพียง 1 เมื่อมีใครอีกคนเข้ามาอีก 1 มันก็ทำให้เราได้เรียนรู้ว่า 1+1 บางครั้งอาจจะยังเป็น 1แต่ความโดดเดี่ยว ความอ้างว้างกลับหายไป อย่าปล่อยให้สิ่งที่ดีที่ สุดสำหรับเราหลุดลอยไปลองคุยกันมากขึ้น รับรู้ความรู้สึกของอีกฝ่ายด้วยใจ จะทำให้เรารู้ว่าเราโชคดีแค่ไหนแล้วที่ได้รู้จักความรัก อย่าปล่อยให้ใครคนใดคนหนึ่งมีน้ำตา ทั้งๆ ที่อีกคนหนึ่งกำลังดีใจอย่าปล่อยให้ใครอีกคนหนึ่งยิ้ม ทั้งๆ ที่อีกคนหนึ่งกำลังร้องไห้ อย่าปล่อยให้ใครคนใดคนหนึ่งพูด ทั้งๆ ที่อีกคนหนึ่งไม่ต้องการฟัง ความรักต้องมาจากความรู้สึกของคนสองคน อย่าให้ใครคนใดคนหนึ่งหยิบยื่น แต่อีกคนหนึ่งไม่ต้องการ........ ความรักเป็นเพียงสายใยบางๆ ที่มันถูกหล่อหลอมขึ้นจากความรู้สึกต่างๆทั้งความอาทร ห่วงใย ห่วงหา คิดถึง..........ความอดทนจะทำให้อุปสรรคต่างๆ ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ความพยายามจะทำให้เราสองคนยังคงอยู่ ความไว้ใจจะทำให้ความรักของเราแข็งแกร่ง ความซื่อสัตย์จะทำให้ความรักของเรามั่นคงความเสมอต้นเสมอปลายจะทำให้ความรักของเราสวยงามและสุดท้ายความรักก็จะก่อตัวขึ้นเป็นความผูกพัน สิ่งเหล่านี้จะทำให้สายใยบางๆ ของความรัก กลายเป็นเชือกเส้นหนาที่ผูกคนสองคนไว้ด้วยกันมันจะเป็นเชือกที่มัดเราไว้ด้วยกัน เป็นเชือกที่ทำให้เราไม่อึดอัดเราจะไม่ดิ้นรนที่จะพยายามหลุดออกจากเชือกเส้นนี้ เมื่อได้เจอความรักที่ดีแล้ว จงทำให้เขารู้สึกว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียว อย่าปล่อยให้เขาโดดเดี่ยว อย่าปล่อยให้เขาเดียวดาย คิดถึงสิ่งดีๆ ที่เราเคยมีกัน อย่าลืมวันแรกๆ ที่เรารู้สึกกับคนๆ นี้เขาเป็นคนดีที่สุดแล้วสำหรับเรา พยายามรักษาเขาไว้เพราะเมื่อเขาหลุดลอยไปแล้วเราจะไม่สามารถเรียกความรู้สึกต่างๆ กลับมาได้อีก เหมือนเวลาที่ไม่สามารถย้อนเดินกลับ ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด เพราะอดีตแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้วอย่านึกหรือพูดแต่คำว่า "ถ้ารู้อย่างนี้........" "ถ้าเป็นอย่างนั้น......." อย่าพูดอย่างเดียว การกระทำจะเป็นคำตอบทุกอย่าง เวลาจะเป็นสิ่งสนับสนุนการกระทำและคำพูดให้น่าเชื่อถือ อย่ารอเลย.........เมื่อเราคิดอะไร รู้สึกยังไง พูดเถอะ ทำเถอะอย่าปล่อยให้คำพูดดีๆ เก็บไว้อยู่กับตัวเราเพียงคนเดียว การรักใครสักคน การคิดถึงใครสักคน การห่วงใยใครสักคนไม่ใช่เรื่องผิด และในทางกลับกัน อย่าปล่อยอะไรให้ค้างคาใจ พูดสิ่งที่ไม่เข้าใจให้เขารับรู้บ้าง อย่าปล่อยให้เราหรือเขารู้สึกเพียงฝ่ายเดียว แค่นี้แหละ มุมมองความรักของฉัน คุณล่ะ คิดเหมือนฉันไหม?.....................

ช่วงเวลาที่นึกว่าเรามีความสุขที่สุดของชีวิต

02:27 Edit This 0 Comments »
สวัสดีอีกครั้งกับบทความใหม่ที่อยากเผยความรู้สึกใจในเล็กๆน้อยๆ ให้ได้รู้กันนะค่ะ

บทความนี้อาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องน้ำเน่าไปหน่อยแต่มันก็เป็นบทเรียนชีวิตของใครบางคนทีกำลังประสบปัญหาอยู่ในขณะนี้ เริ่มเลยหล่ะกันนะค่ะ.......ชีวิตนี้คุณเคยมีความสุขมากไหมและช่วงไหนบ้างที่คุณมีความสุข.....นั่งฟังเพลง....เล่นอินเตอร์เน็ต.....กิน....อาบน้ำ...เที่ยว...ดื่ม......ใช่อยู่ช่วงเวลานี้มันมีความสุขก็จริงแต่มันเป็นความสุขที่ฉาบฉวยแค่ช่วงเวลาหนึ่งมันก็หายไป ทั้งที่นอกเหนือจากเวลานั้นคุณมีเรื่องราวอีกมากมายในชีวิตที่ต้องเผชิญและทำให้คุณต้องมีแต่ความเหงา.....เหงาที่เกินจะแก้....และแล้ว...ณ เวลาหนึ่งความเหงามันเริ่มจางหายไปเมื่อมีใครบางคนเข้ามาเติมเต็มความอบอุ่น...คอยเป็นเพื่อนคิด คอยเป็นเพื่อนคุย และคอยเป็นเพื่อนกิน และเป็นเพื่อนที่คอยจูงมือเวลาที่ตากฝนหรือข้ามถนนไปด้วยกัน.....มันเป็นเวลาที่คนบางคนโหยหาความรู้สึกแบบนี้มานาน นับวันความเหงามันเริ่มจางหายและสุดท้ายเหลือแต่ความรักที่ล้นใจ มันเป็นอะไรที่คนคนหนึ่งมีความสุขกับมัน ความรักนี้มันชั่งมีค่าและหาที่เปรียบไม่ได้......................แต่แล้วนับวันไปความรักมันแรกหวานซาบซึ้งกินใจแต่สุดท้ายมันเริ่มจางหายเหลือแต่ลอยน้ำตา......คนคนนั้นกลับมาทิ้งเราไปเหลือแต่เพียงกลิ่นอายของความรักที่เค้ามีให้เรา


ก๊อกสองแล้วจร้า

18:32 Edit This 6 Comments »

ก๊อกสองนี้เป็นภาคเริ่มแรกที่สองหนุ่มอัศวินผู้กล้าตายได้เดินทางมาเที่ยวที่อุบลเป็นวันแรก..........555 ที่นี้ จะเป็นการเผาคนแต่ละคนยกเว้นคนเขียน อิอิอิ
เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน เวลาเท่าไหร่ไม่รู้ จามไม่ได้เพราะไม่รู้ว่ามาถึงเวลาเท่าไหร่เอาเปงว่าไปเจอก็เห็นเลย อานะ อัศวินมาถึงเหล่านางยักษ์นุ้ยและเหมียวได้พาสองอัซวินไปเที่ยวชมธรรม..........ชาติของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ธรรมชาติมากๆๆๆๆ พูดง่ายๆ พาไปอ่านกินสาว อิอิ ส่วนเราเหล่านางยักษ์ ไปหากินบ่าว อิอิอิ หล่อมาก ยิ่งถอดเสื้อเตะบอลน่ะ......หื่อ ขาวๆใสๆ อานะ นอกเรื่อง ภารกิจครั้งนี้มีพี่สาวคนสวยไปด้วย อิอิ จนทามให้อัศวินบางคนต้องติดใจ อิอิ ตกเยนเหล่านางยักษ์ซึ่งประกอบด้วย เหมียว เปิ้ล นุ้ย เจี๊ยบ จุ๋ม ทิพ พร้อมด้วยสองอัศวินผู้กล้าไปเที่ยว .......ตุ๊ดๆ เด็กอายุต่ำกว่าสิบแปดห้ามลอกเลียนแบบนะจ๊ะ (ยู_บาร์) อาจร้า.....นุกนิสสสสสสสสสสหนึ่ง เพราะมัวแต่เก็บอวกของจุ๋มที่อวกออกมาน่าสังเวสมากกกกกกกกกกกกกกกก อวกไม่อวกที่ไหนมาอวกใส่กระเป๋าข้าน้อย แหม่.......มันชั่งน่าตบเสียจริงๆ สุดท้ายบทบาทความสนุกของค่ำคืนนั้นก้อจบลงด้วยอวกของอีจุ๋ม

เรื่องฮาฮาของเหล่าเพื่อน

21:17 Edit This 6 Comments »
प;
ณ ดินแดนแห่งมหาลัยอุบลราชธานี มีกลุ่มนักศึกษาหน้าตาดีที่สุดในมหาลัย 5 นักเลง เบ็งความกล้า โครตฮา เรียนมาความรู้หมาไม่แดก 5555
และแล้วเมื้อวันที่ 27 พวกเค้าก้ได้รวมตัวกันโดยมี 2 อัศวินผู้กล้า....กล้าไม่กล้าแต่หลงเข้ามาในฝูงนางยักษ์พวกนี้ได้ไง...แบบตลก อัศวินผู้กล้าทั้ง2ได้พาเหล่านางยักษ์สุดสวยไปเที่ยวน้ำตก.....สร้อยสวรรณค์...........เป็นน้ำตกที่เกือบสวยที่สุดในประเทศไทย พวกเราเดินทางด้วยเท้า (ช้าง) ไปเลื่อยๆจนถึงแหล่งน้ำตกเหล่านางยักษ์ได้พากันเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน ยกเว้นนางยักษ์นุ้ยกับทิพที่ยังรักษาความสวยตัวเองไว้บนบก 55 มีแต่ 2 อัศวิน นุ กับเอ็ม เหล่านางยักษ์ เหมียว เปิ้ล และเจี๊ยบ ที่เล่นน้ำอย่างสนุกสนาน เล่นจนคนที่มาเล่นน้ำตกด้วยวันนั้นรู้สึกว่าน้ำป่าไหลหลากมาแต่ไหนมันกระเพื้อมเหลือเกิน เล่นไปเล่นมา 5คนรวมทั้งอัศวินทั้งสองด้วยและแล้วเหตุการณ์หนึ่งก็เกิดขึ้นยักษ์เปิ้ลทนรับน้ามหนักตัวเองไม่ไหม(มันว่ายน้ำไม่เป็นยังดันไปเล่น) 55 จมน้ำซะ...ทุกคนต้องตกใจเพราะเปิ้ลจมแบบน่ากลัว นางยักษ์เหมียวซึ่งใกล้สุดในสถานะการณ์นั้นได้กระชาก (จิก) หัวนังเปิ้ลขึ้นมายากผิวน้ำ....อึ๊บ..ครั้งที่หนึ่งดึงขึ้นมาไม่ได้ลองใหม่ครั้งที่สองอึ๊บ..ได้แต่เส้นผม ว่าแต่นังเปิ้ลมันจะตายเพราะเหมียวดึงหรือว่าจมน้ำตายกันแน่เนี่ย! เห่อๆสุดท้ายนังยักษ์เหมียวได้รวมพะละกำลังครั้งสุดท้าย ดึงหัวนังเปิ้ลขึ้นมาจากผิวน้ำได้สำเร็จ 555 สองนางยักษ์ที่นั่งลุ้นอยู่บนฝังไม่รู้จะทำหน้ายังไง ตกใจ ตลก อยู่คบบนใบหน้ายักษ์ทั้งสองที่นั่งอยู่บนฝั่งแบบฮามากกว่า อิอิ สุดท้ายพวกเราก้อเลิกล้มที่จะเล่นน้ำอยู่ตรงนั้น เลยหันไปเล่นที่อื่น เป็นสถานที่เหมาะแก่การณ์เล่นน้ำ ณะที่นี้คือ ที่ต่ำสุดของนำตก เพราะ ทำไมถึงเรีอกยังนั้น เพราะว่าน้ำจากต้นน้ำที่นักท่องเที่ยวมาเล่น ณ วันนั้นได้มารวมกันที่นี่ ที่พวกเราเล่นกัน 55 เรากินน้ำไปกี่อึกแล้วหล่ะ ทั้งเล่นทั้งจม แต่ที่แน่ไม่รู้นะว่าน้ำที่กินอ่ะ ชี่ใครบ้าง กินจนอิ่มเลย และวันนั้นเป็นที่น่ายินดี ที่นังยักษ์เหมียวว่ายน้ำเป็นครั้งแรกของชีวิต ดีใจนำเด้อ.... สุดท้ายแล้วพวกเราก็เกิดอาการเหนื่อยเมื่อยกับการต้องปีนป่ายเขา ว่ายน้ำ ตกน้ำ แต่ก็ยังสนุกดี ถึงเวลากลับสิ เวลา 15.21 นุ้ยดุเวลา กลับพอดี ขับรถกลับอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง ณ วันนั้นมีเหตุการณ์ที่ฮาหลายอย่างแต่ยังเล่นไม่หมด ถ้าอยากให้เล่าให้หมด อย่าลืมคอมเม้นมานะค่ะ เด๋วจารอ เล่าให้หมดเลย....อิอิ